วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

กินเลี่ยงปวดศีรษะ
   
อาหารกับอาการปวดศีรษะ

ทุกคนในโลกนี้ต่างเคยมีอาการปวดศีรษะกันมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครที่ไม่เคยปวดศีรษะมีปัจจัยมากมายที่ทำให้ปวดศีรษะ อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แสงแดดจ้าเกินไปหรือการประจำเดือนของสตรีก็ทำให้ปวดศีรษะได้เหมือนกัน แต่ปัญหากลุ่มนี้แก้ไขค่อนข้างยากปัญหาที่ทำให้ปวดศีรษะแล้วแก้ไขได้ง่ายที่สุดก็เห็นจะเป็นปัญหาที่มาจากอาหารการกิน
            นายแพทย์เดวิด บุชโฮลซ์ (David W. Buchholz) ผู้อำนวยการคลินิกให้คำปรึกษาด้านประสาทวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ แห่งสหรัฐอเมริกาบอกว่าบอกวิธีง่ายๆในการแก้ไขปัญหาปวดศีรษะที่เกิดจากอาหารคือเลี่ยงหรือลดอาหารเหล่านั้นเสีย  ฟังดูมีเหตุผลดีแต่ออกจะเป็นคำแนะนำที่ออกจะกำปั้นทุบดินเกินไป อันที่จริงคำแนะนำง่ายๆอย่างที่ว่านี้มักเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงเพราะอาการปวดศีรษะจากอาหารเป็นเรื่องที่มีผู้คนมักจะมองข้ามหือไม่เคยทราบมาก่อน
  
สารเคมีในอาหารก่ออาการปวดศีรษะ            

            อาหารทุกชนิดล้วนมีองค์ประกอบทางเคมีที่ซับซ้อน   มีสารเคมีมากมายในอาหารที่ก่อปัญหาทำให้ปวดศีรษะได้ง่ายๆ เช่น อาหารที่มีสารเคมีพวกไทรามีน (tyramine) และไนไทรต์ (nitrite) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมองสารเคมีเหล่านี้จะไปกระตุ้นสมองจนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
            สารเคมีสองชนิดที่เอ่ยชื่อและสารอื่นๆอีกหลายชนิดทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้อย่างไรนั้นสามารถอธิบายได้ง่ายๆดังนี้ สารเคมีจากอาหารจะไปกระตุ้นเส้นประสาทและเส้นโลหิตทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อสมองจนเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาได้
            สารเคมีบางอย่างอาจไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารบางชนิด อย่างเช่น สารกึ่งฮอร์โมนพวกพรอสทาแกลนดิน (prostaglandin) ขึ้นมา สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อสมอง ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น แต่จะปวดศีรษะมากหรือน้อยย่อมขึ้นกับความไวต่อสารเคมีของแต่ละคน
            บ่อยครั้งที่สารเคมีทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการหดตัวทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงสมองติดขัดจนกระทั่งเกิดอาการปวดศีรษะขึ้น บางรายอาจมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย หากจะแก้ไขปัญหาปวดศีรษะในกรณี  เช่นนี้จะต้องทราบต้นเหตุเสียก่อนว่าสารเคมีอะไรที่เป็นต้นเหตุเสียก่อนว่าสารเคมีอะไรที่เป็นต้นเหตุและสารเหล่านี้มีอยู่ในอาหาร
            จะว่าไปแล้วอาหารแทบทุกอย่างสร้างปัญหาทำให้ปวดศีรษะได้ทั้งสิ้นคนแต่คนมีความไวต่อสารเคมีหรือแพ้สารเคมีแตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง เช่น บางคนดื่มนมก็เกิดอาการปวดศีรษะ บางคนรับประทานอาหารทะเลแล้ว เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ มีไม่น้อยที่ดีดื่มกาแฟไม่ได้ หากดื่มกาแฟเมื่อใดเป็นต้องปวดศีรษะเมื่อนั้น เป็นต้น
            นายแพทย์เจมส์ เบรนแมน (James Breneman) อดีตประธานคณะกรรมการการแพ้อาหารของวิทยาลัยภูมิแพ้อเมริกัน (American College of  Allergy) เคยกล่าวไว้ว่าสามในสี่ของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือไมแกรนซึ่งถือว่าเป็นโรคปวดศีรษะที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุดโรคหนึ่งนั้นมาจากอาหาร ดังนั้นหากเลี่ยงหรือลดอาหารที่เป็นสาเหตุได้อาการปวดศีรษะจากไมแกรนก็ลดลงได้
            ดร. ซินเทีย ราดนิตซ์ (Cynthia L. Radnitz) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแฟร์ลีดิกกินสัน (Fairleigh Dickinson University) สหรัฐอเมริกาเคยทำการวิจัยให้ผลยืนยันว่าผู้ป่วยด้วยโรคไมแกรนร้อยละ 80 ทุเลาจากไมแกรนเพียงเพราะการลดหรืองดอาหารที่ก่อให้เกิดปัญหา
            แม้อาหารแทบทุกชนิดจะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ แต่ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอาหารประเภทไหนบ้างที่แพทย์พบว่าทำให้เกิดอาหารปวดศีรษะได้บ่อยที่สุด
   
อินทผลัมกับช็อกโกแลต
            
           บันทึกของแพทย์กรีกยุคโบราณที่ชื่อพลินิอุส (Plinius) ระบุว่าผลอินทผลัมสดทำให้บางคนเกิดอาการปวดศีรษะได้ ในยุคนั้นยังไม่มีใครทราบว่าอะไรในอินทผลัมสดที่เป็นสาเหตุ แต่ปัจจุบันนี้เริ่มทราบแล้วว่าในอินทผลัมสดมีโปรตีนที่มีสารพวกเอมีน (amine) เป็นองค์ประกอบ สารกลุ่มนี้กระตุ้นสมองทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
            ในช็อกโกแลตซึ่งเป็นของหวานโปรดปรานของหลายต่อหลายคนมีเอมีนในรูปของเฟนิลเอทิลเอมีน (Phenylethylaine) เป็นองค์ประกอบอยู่ไม่น้อย เคยมีรายงานว่าผุ้ป่วยหลายรายรับประทานช็อกโกแลตแล้วจะเกิดอาการปวดตุบๆคล้ายเป็นไมแกรน บางรายอยากรับประทานให้อร่อยปากสักหน่อยก็ทำไม่ได้เพราะรับประทานไปได้ครึ่งแท่งก็ปวดศีรษะแล้ว
            อันที่จริงผู้ที่แพ้ช็อกโกแลตและเกิดอาการไมแกรนนั้นมีไม่มากนัก ในสหรัฐอเมริกาเคยมีการสัมภาษณ์ผู้ป่วยด้วยโรคไมแกรนจำนวน 490 คนว่าคนเหล่านี้เชื่อว่าอาหารกลุ่มนี้ใดเกิดไมแกรนได้มากที่สุด ผลปรากฏว่าคนส่วนใหญ่ตอบว่าแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะยิ่งไวน์ มีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้นที่ตอบว่าช็อกโกแลต
            เคยมีงานวิจัยที่อังกฤษรายงานทราบว่าเมื่อทดลองให้ผู้ป่วยไมแกรนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าช็อกโกแลตเป็นสาเหตุของไมแกรนลองรับประทานช็อกโกแลตแท้เปรียบเทียบกับผู้ป่วยไมแกรนอีกกลุ่มที่ได้รับช็อกโกแลตเทียม ผลปรากฏว่าผู้ที่รับช็อกโกแลตแท้ 5 ใน 8 รายเกิดอาการไมแกรนกำเริบข้นภายในเวลา 22 ชั่วโมง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับช็อกโกแลตเทียมไม่เกิดอาการไมแกรนขึ้นเลย ดังนั้นสรุปว่าช็อกโกแลตก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะให้แก่คนบางคนได้จริง
    
มะนาว ไวน์ และเนยแข็ง
            
            ผลไม้ประเภทมะนาวมีสารออกโทพามีน (0ctopamine) ทำให้บางคนเกิดอาการปวดศีรษะได้เหมือนกัน ในบรรดาเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลาย ไวน์แดงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปวดศีรษะไมแกรนได้บ่อยที่สุด ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะเปลือกองุ่นมีสารเคมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในระดับต่างๆกัน และมีสารเคมีชนิดหนึ่งเป็นสารประกอบของไทรามีนที่เราทราบกันมาในตอนต้นแล้วว่ากระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
            อาหารอีกพวกหนึ่งที่มีสารไทรามีนค่อนข้างมากคือเนยแข็ง ผู้ที่เคยอยู่ต่างประเทศนานๆและรับประทานเนยแข็งเป็นประจำแล้วไม่เคยปวดศีรษะคงไม่เป็นไร แต่ใครที่เคยปวดศีรษะหลังจากรับประทานเนยแข็งก็ขอให้ทราบด้วยว่าเกิดจากไทรามีนนี่เอง
            เนยแข็งประเภทอิงลิชสติลตัน (English stiltion) มีไทรามีนมากที่สุด คือ17.3 มิลลิกรัม (1 มิลลิกรัมคือหนึ่งในพันกรัม) ต่อเนยแข็ง 15 กรัม รองลงมาก็ได้แก่บลูชีส  (blue cheese) จากนั้นเป็นพวกแมตชัวร์เชดดาร์ (mature cheddar) นอกจากพวกเนยแข็งแล้วผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ อย่างเช่น โยเกิร์ต (นมเปรี้ยว) ก็อาจจะพบสารพวกเอมีนเหล่านี้ได้มากน้อยแล้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์นม
            ผลไม้พวกถั่วเปลืองแข็งต่างๆอาจมีสารเอมีนได้บ้าง ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด อินทผลัมแห้ง ฯลฯ จะพบสารเอมีนได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงขอให้ลองสังเกตตนเองดูบ้างว่าทุกครั้งที่ปวดศีรษะเราได้รับประทานอาหารชนิดใด เมื่อหายปวดศีรษะแล้วให้ลองรับประทาจนอาหารชนิดนั้นๆอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดสอบดูว่าอาหารที่ต้องสงสัยนั้นทำให้เราปวดศีรษะจริงหรือเปล่า เมื่อพบแล้วว่าเป็นอาหารชนิดใดที่สร้างปัญหาต่อไปก็พยายามเลี่ยงเสีย หากยังยังไม่เข็ดเพราะเป็นเป็นอาหารโปรดก็ขอให้ลดอาการลงบ้าง อย่ารับประทานให้มากนักอาการปวดศีรษะจะค่อยๆทุเลาลงได้
            การเลี่ยงหรือลดอาหารเป็นวิธีที่แก้ไขแสนง่าย แต่รายไหนก็รายนั้นมักจะไม่สามารถปฎิบัติตามได้ นายแพทย์บุชโฮลช์ระบุว่าผู้ที่ปวดศีรษะมากๆมักจะคิดถึงยาก่อนเรื่องอื่นเพราะยาให้ผลชะงัดกว่า แต่การใช้ยาเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุนั้นอยู่ที่อาการ แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ การแก้ปัญหาปวดศีรษะด้วยการลดอาการที่เป็นต้นเหตุจึงมักเป็นเสมือนปัญหาเส้นผมบังภูเขา
   

ไส้กรอก เนื้อปรุง

            ลุงคำมีเป็นเป็นชาวสวนอยู่ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเมืองไม่บ่อยนัก ลูกหลานคนใดเข้ามาในเมืองลุงคำมีก็จะไหว้วานให้ซื้อแหนมหรือไส้กรอกไก่บ้าง ไส้กรอกหมูบ้าง ติดมือกลับมาฝาก วันหนึ่งลุงคำมีเข้าเมืองและแวะไปที่โรงพยาบาลสวนดอกเพื่อปรึกษาหมอเนื่องจากระยะหลังมีอาการปวดศีรษะอยู่บ่อยๆ
            หมอหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะ    อยู่นานแต่ก็หาไม่พบ ลุงคำมีกินยาของหมอจนกลายเป็นคนติดยาแก้ปวดแก้ไข้ หมอสังเกตว่าทุกครั้งที่ลุงคำมีเข้ามาที่โรงพยาบาลมักจะมีแหนมหรือไม่ก็ไส้กรอกติดมือมาด้วย จึงคิดว่าเนื้อเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ          หมอแนะนำให้ลุงคำมีอดไส้กรอกกับแหนมสัก 1-2 สัปดาห์แล้วคอยติดตามดูอาการ ปรากฏว่าลุงคำมีหายปวดศีรษะ ต่อมาหมอให้ลองรับประทานไส้กรอกหนึ่งจานลุงคำมีเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาอีก เมื่อทดสอบจนมั่นใจแล้วว่าลุงคำมีปวดศีรษะเพราะแพ้สารไนไทรต์ที่นิยมใช้ในกระบวนการปรุงเนื้อ หากหยุดไส้กรอก แฮม แหนม เบคอนได้เมื่อไร ลุงคำมีจะหายปวดศีรษะได้เมื่อนั้น
            ฝรั่งเรียกอาการปวดศีรษะที่เกิดจากเนื้อปรุง อันได้แก่ แฮม ไส้กรอก ซาลามี เบคอน รวมทั้งแหนมด้วยว่าปวดศีรษะแบบฮอตดอก (hot dog headache) ฮอตดอกก็คือขนมปังที่ใส่ไส้กรอกไว้ตรงกลาง ในระยะหลังเริ่มมีมาขายตามริมถนนในบ้านเรามากขึ้น ผู้ที่มึนศีรษะหรือปวดศีรษะเพราะเนื้อปรุงเหล่านี้หากไม่ต้องการทรมานต่อไปคงต้องหาทางเลิกหรือลดเนื้อพวกนี้ให้ได้
    
น้ำตาลเทียมแอสพาร์เทม

            ในบ้านเรามีคนรับประทานน้ำตาลเทียมกันมาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่จำกัดอาหาร ลดความอ้วน หรือไม่ก็เป็นเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดศีรษะบอกว่าคนบางคนอาจแพ้น้ำตาลเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแอสพาร์เทม ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาได้
            นายแพทย์ลิปตัน (R.B lipton) เป็นแพทย์ทางประสาทวิทยาแห่งหน่วยปวดศีรษะ (Headache Unit) ศูนย์การแพทย์มอนเตฟิออเร (Montefiore Medical Center) ที่นิวยอร์ก ทำการศึกษาอาการคนไข้ที่มีอาการปวดศีรษะมากๆจำนวน 117 คน ได้ผลสรุปว่าผู้ที่มีปัญหาเรื่องอาการปวดศีรษะเป็นประจำจำนวนไม่น้อยมีปัญหากับน้ำตาลเทียมพวกแอสพาร์เทมแพทย์หญิงเชอลีย์  เคอเลอร์ (Shirley M. Koehler) แห่งมหาวิทยาลัยฟอริดา สหรัฐอเมริกา ลองทำการศึกษาอย่างเดียวกันแล้วก็พบอีกเช่นกันว่าผู้ที่ปวดศีรษะไมแกรนไม่ว่าจะเกิดแอสพาร์เทม หรือไม่ก็ตาม หากรับประทานน้ำตาลเทียมพวกแอสพาร์เทมแล้วจะพบว่าอาการปวดไมแกรนเกิดถี่ขึ้น นานขึ้น บางรายอาจเกิดอาการคลื่นเหียน อาเจียน ตัวสั่น ตาพร่าขึ้นด้วยซ้ำ
            เหตุใดแอสพาร์เทมจึงกระตู้นให้เกิดไมแกรนยังไม่มีใครตอบได้ แต่เชื่อกันว่าผู้ที่มีอาการศีรษะเป็นประจำอาจมีปัญหาทางด้านพันธุกรรมบางอย่าง หากจะรักกันให้หายคงทำกันได้ยาก หนทางที่พอจะช่วยได้คือพยายามหาสารที่ผู้ป่วยแพ้ให้ได้แล้วหลีกเลี่ยงเสีย น้ำตาลเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแอสพาร์เทมเป็นสารชนิดหนึ่งที่ขอแนะนำไว้ว่าสมควรเลี่ยง

     ผงชูรสกับกาแฟ

            อากรปวดศีรษะเพราะผงชูรสพบได้ไม่มากนัก มีบางคนเท่านั้นที่รับประทานผงชูรสแล้วเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หน้าแดง คอแดง อกแดง ที่เรียกกันว่าอาการปวดภัตตาคารจีน (Chinese restaurant syndrome) หรือจะเรียกว่าโรคภัตตาคารจีนก็ได้ บรรดาอาการปวดศีรษะทั้งหลายจึงแนะนำว่าใครที่ทรมานจากการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุหากเลี่ยงหรือลดผงชูรสเสียบ้างก็จะดี
            ผู้ที่รู้ตัวว่าแพ้ผงชูรสหรือมีอาการปวดศีรษะอยู่บ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ การเลี่ยงผงชูรสไม่น่าจะเสียหายอะไร วิธีการเลี่ยงผงชูรสหรือเอ็มเอสจี (MSG) ไม่ใช่เฉพาะการสั่งอาหารไม่ใส่ผงชูรสเท่านั้น จำเป็นที่จะรู้ด้วยว่าบรรดาอาหารสำเร็จรูปซึ่งวางขายกันเกลื่อนตลาดอยู่ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้างใส่ผงชูรสและควรหาทางเลี่ยงเสีย
            บะหมี่ซองอาหารเป็นอาหารที่นิยมใส่ผงชูรสมากที่สุด อาหารสุขภาพทั้งหลายประเภทโปรตีนย่อยแล้วทั้งผักโปรตีนย่อยแล้ว (hydrolyzed vegetable protein หรือ HVP) หรือโปรตีนผักชนิดย่อยแล้ว (hydrolyzed plant protein หรือ HPP) ที่เริ่มจะปรากฏเห็นในบ้านเราอาจจะมีการเติมผงชูรสเพื่อเพิ่มรสชาติบ้าง ของขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายแผ่นมีแต่ผงชูรสไม่น้อย นอกจากนี้ให้ดูบรรดาขนมซองด้วยว่ามีผงชูรสปนอยู่หรือเปล่า หากมีคำว่ามีสารปรุงรสก็ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นผงชูรส
            กาแฟอาจเป็นสาเหตุของการปวดศีรษะและช่วยแก้ไขปัญหาปวดศีรษะได้เช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็นได้ทั้งพระเอกและผู้ร้าย เคยมีรายงานทางการแพทย์ว่าสารกาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟหรือชาสามารถลดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน แต่แพทย์หลายรายยืนยันว่าใครที่คิดจะใช้กาแฟในการรักษาอาการปวดศีรษะย่อมเสี่ยงอย่างยิ่ง เพาระหากดื่มมากไปอาการปวดศีรษะอาจเกิดขึ้นเสียมากกว่าเก่า
            ในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดศีรษะระบุว่ากาแฟนับเป็นศัตรูตัวร้ายอันดับต้นๆสำหรับผู้ป่วย แม้จะมีบางรายที่ใช้กาแฟแก้อาการปวดศีรษะแต่ก็มีเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่จะยิ่งทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นเสียมากกว่า
            ผู้ที่ปวดศีรษะบ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุขอให้ลองงดกาแฟดู หากงดแล้วอาการดีขึ้นละก็พึ่งรู้ไว้เถิดว่าสากาเฟอีนไปมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดทำให้เพิ่มอาการปวดศีรษะ ผู้ที่ติดกาแฟอาจจะเลิกกาแฟได้ยากอยู่สักหน่อยเทคนิคในการเลิกกาแฟคือให้ค่อยๆลดปริมานลง หากเคยดื่มวันละหลายถ้วยก็ต้องลดจำนวนลงทีละถ้วยจนเลิกได้ในที่สุด
            มีบางคนที่ไม่เคยมีอาการปวดศีรษะเลยแต่พอเลิกกาแฟแล้วกลับมีอาการปวดศีรษะเกิดขึ้น แสดงว่าปวดศีรษะเพราะเลิกกาแฟ นายแพทย์รอแลนด์ กริฟฟิทส์ (Roland Griffiths) แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ชี้ว่าผู้ที่มีอาการลักษณะนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่ติดกาแฟงอมแงมเพียงอย่างเดียว ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟเข้มข้นวันละถ้อยหรือผู้ที่ติดเครื่องดื่มอัดลมประเภทน้ำดำก็เกิดอาการปวดศีรษะเพราะการเลิกกาแฟหรือน้ำอัดลมได้เช่นกัน
            อาการปวดศีรษะเพราะขาดกาแฟอาจเกิดขึ้นตอนเช้าตรู่ขณะที่ท้องว่างซึ่งร่างกายขาดกาแฟมาทั้งคืน หรืออาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาวันหยุดที่เรามักจะดื่มกาแฟน้อยกว่าเมื่ออยู่ที่ทำงาน อาการปวดศีรษะในลักษณะนี้หมายความว่าติดกาแฟเสียแล้ว หากดื่มกาแฟสักถ้อยอาการปวดมึนศีรษะจะค่อยๆหายไป
            อันที่จริงการดื่มกาแฟสักถ้อยสองถ้อยไม่สร้างปัญหามากนัก หากปวดศีรษะเพราะขาดกาแฟแก้ไขด้วยง่ายๆโดยการดื่มกาแฟ แต่การแก้ในลักษณะนี้อาจเกิดผลเสียขึ้นได้เพราะเราจะเริ่มดื่มกาแฟมากขึ้นๆจนกระทั่งร่างกายได้รับกาเฟอีนมากจนอาจเกิดอันตรายขึ้น
            หากปวดศีรษะเพราะกาแฟและอยากจะหาย ข้อแนะนำง่ายๆแต่ทำได้ค่อนข้างยากคือต้องหาทางเลิกกาแฟ วิธีเลิกกาแฟนั้นข้อแนะนำว่าอย่าผลีผลามเลิกปุบปับเพราะอาจปวดศีรษะหรือมึนศีรษะมากขึ้น ขอให้ค่อยๆลดและค่อยๆเลิก อาการปวดศีรษะอาจจะมีมากขึ้นในช่วงแรกๆคงจะต้องอดทนไว้สักหน่อย ต่อเมื่อร่างกายเริ่มชินกับการมีมีสารกาเฟอีนในร่างกายน้อยๆได้เมื่อไรอาการปวดศีรษะจากการงดกาแฟก็จะหายไป ชีวิตหลังจากนั้นน่าจะมีความสุขมากขึ้น
    
กินสร้างปัญหา

            มีอาหารอีกมากมายที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ เราคงต้องพยายามตรวจสอบให้ได้ด้วยตัวเองว่ามีอาหารอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุ อาหารบ้างอย่างรับประทานเข้าไปสักพักจะเกิดอาการปวดศีรษะ เช่น เนื้อปรุงทั้งหลาย น้ำตาลเทียม เหล้า ไวน์ เนยแข็ง นมเปรี้ยว ช็อกโกแลต กาแฟ ฯลฯ ซึ่งกล่าวไว้แล้ว เราคงต้องหาทางลดอาหารพวกนั้น

            อาหารบางอย่างเมื่อลดปริมาณลงแล้วเกิดอาการปวดตุบๆในศีรษะ คลื่นไส้ วิงเวียน อย่างเช่นกาแฟ คำแนะนำคืออย่ารับประทานหรือดื่มให้ขึ้น แต่ต้องหาทางเลี่ยงเช่นอธิบายไว้แล้ว การกินเป็นการสร้างความสุขแบบหนึ่ง หากกินแล้วชักจะเป็นทุกข์ก็น่าจะลดหรืองดเสีย

           ข้อมูลหนังสือ
       
           ผู้แต่ง
รองศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะห์ลัน
           พิพ์ที่
บริษัทจูนพับลิชชิ่ง จำกัด  90 วัฒนานิเวศน์ 5 ถนนสุทธิสาร เขตห้อยขวาง กรุงเทพฯ   

1 ความคิดเห็น: