กินเลี่ยงปวดศีรษะ
อาหารกับอาการปวดศีรษะ
ทุกคนในโลกนี้ต่างเคยมีอาการปวดศีรษะกันมาแล้วทั้งนั้น
ไม่มีใครที่ไม่เคยปวดศีรษะมีปัจจัยมากมายที่ทำให้ปวดศีรษะ อาทิ
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
แสงแดดจ้าเกินไปหรือการประจำเดือนของสตรีก็ทำให้ปวดศีรษะได้เหมือนกัน แต่ปัญหากลุ่มนี้แก้ไขค่อนข้างยากปัญหาที่ทำให้ปวดศีรษะแล้วแก้ไขได้ง่ายที่สุดก็เห็นจะเป็นปัญหาที่มาจากอาหารการกิน
นายแพทย์เดวิด
บุชโฮลซ์ (David W. Buchholz)
ผู้อำนวยการคลินิกให้คำปรึกษาด้านประสาทวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ แห่งสหรัฐอเมริกาบอกว่าบอกวิธีง่ายๆในการแก้ไขปัญหาปวดศีรษะที่เกิดจากอาหารคือเลี่ยงหรือลดอาหารเหล่านั้นเสีย
ฟังดูมีเหตุผลดีแต่ออกจะเป็นคำแนะนำที่ออกจะกำปั้นทุบดินเกินไป
อันที่จริงคำแนะนำง่ายๆอย่างที่ว่านี้มักเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงเพราะอาการปวดศีรษะจากอาหารเป็นเรื่องที่มีผู้คนมักจะมองข้ามหือไม่เคยทราบมาก่อน
สารเคมีในอาหารก่ออาการปวดศีรษะ
อาหารทุกชนิดล้วนมีองค์ประกอบทางเคมีที่ซับซ้อน มีสารเคมีมากมายในอาหารที่ก่อปัญหาทำให้ปวดศีรษะได้ง่ายๆ
เช่น อาหารที่มีสารเคมีพวกไทรามีน (tyramine) และไนไทรต์ (nitrite) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมองสารเคมีเหล่านี้จะไปกระตุ้นสมองจนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
สารเคมีสองชนิดที่เอ่ยชื่อและสารอื่นๆอีกหลายชนิดทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้อย่างไรนั้นสามารถอธิบายได้ง่ายๆดังนี้
สารเคมีจากอาหารจะไปกระตุ้นเส้นประสาทและเส้นโลหิตทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อสมองจนเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาได้
สารเคมีบางอย่างอาจไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารบางชนิด
อย่างเช่น สารกึ่งฮอร์โมนพวกพรอสทาแกลนดิน (prostaglandin) ขึ้นมา สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อสมอง ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น
แต่จะปวดศีรษะมากหรือน้อยย่อมขึ้นกับความไวต่อสารเคมีของแต่ละคน
บ่อยครั้งที่สารเคมีทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการหดตัวทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงสมองติดขัดจนกระทั่งเกิดอาการปวดศีรษะขึ้น
บางรายอาจมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย หากจะแก้ไขปัญหาปวดศีรษะในกรณี เช่นนี้จะต้องทราบต้นเหตุเสียก่อนว่าสารเคมีอะไรที่เป็นต้นเหตุเสียก่อนว่าสารเคมีอะไรที่เป็นต้นเหตุและสารเหล่านี้มีอยู่ในอาหาร
จะว่าไปแล้วอาหารแทบทุกอย่างสร้างปัญหาทำให้ปวดศีรษะได้ทั้งสิ้นคนแต่คนมีความไวต่อสารเคมีหรือแพ้สารเคมีแตกต่างกันไป
ยกตัวอย่าง เช่น บางคนดื่มนมก็เกิดอาการปวดศีรษะ บางคนรับประทานอาหารทะเลแล้ว
เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ มีไม่น้อยที่ดีดื่มกาแฟไม่ได้
หากดื่มกาแฟเมื่อใดเป็นต้องปวดศีรษะเมื่อนั้น เป็นต้น
นายแพทย์เจมส์
เบรนแมน (James Breneman)
อดีตประธานคณะกรรมการการแพ้อาหารของวิทยาลัยภูมิแพ้อเมริกัน (American College
of Allergy)
เคยกล่าวไว้ว่าสามในสี่ของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือไมแกรนซึ่งถือว่าเป็นโรคปวดศีรษะที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุดโรคหนึ่งนั้นมาจากอาหาร
ดังนั้นหากเลี่ยงหรือลดอาหารที่เป็นสาเหตุได้อาการปวดศีรษะจากไมแกรนก็ลดลงได้
ดร.
ซินเทีย ราดนิตซ์ (Cynthia L. Radnitz)
นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแฟร์ลีดิกกินสัน (Fairleigh Dickinson
University)
สหรัฐอเมริกาเคยทำการวิจัยให้ผลยืนยันว่าผู้ป่วยด้วยโรคไมแกรนร้อยละ 80
ทุเลาจากไมแกรนเพียงเพราะการลดหรืองดอาหารที่ก่อให้เกิดปัญหา
แม้อาหารแทบทุกชนิดจะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
แต่ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอาหารประเภทไหนบ้างที่แพทย์พบว่าทำให้เกิดอาหารปวดศีรษะได้บ่อยที่สุด
อินทผลัมกับช็อกโกแลต
บันทึกของแพทย์กรีกยุคโบราณที่ชื่อพลินิอุส
(Plinius)
ระบุว่าผลอินทผลัมสดทำให้บางคนเกิดอาการปวดศีรษะได้ ในยุคนั้นยังไม่มีใครทราบว่าอะไรในอินทผลัมสดที่เป็นสาเหตุ
แต่ปัจจุบันนี้เริ่มทราบแล้วว่าในอินทผลัมสดมีโปรตีนที่มีสารพวกเอมีน (amine) เป็นองค์ประกอบ สารกลุ่มนี้กระตุ้นสมองทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
ในช็อกโกแลตซึ่งเป็นของหวานโปรดปรานของหลายต่อหลายคนมีเอมีนในรูปของเฟนิลเอทิลเอมีน
(Phenylethylaine) เป็นองค์ประกอบอยู่ไม่น้อย
เคยมีรายงานว่าผุ้ป่วยหลายรายรับประทานช็อกโกแลตแล้วจะเกิดอาการปวดตุบๆคล้ายเป็นไมแกรน
บางรายอยากรับประทานให้อร่อยปากสักหน่อยก็ทำไม่ได้เพราะรับประทานไปได้ครึ่งแท่งก็ปวดศีรษะแล้ว
อันที่จริงผู้ที่แพ้ช็อกโกแลตและเกิดอาการไมแกรนนั้นมีไม่มากนัก
ในสหรัฐอเมริกาเคยมีการสัมภาษณ์ผู้ป่วยด้วยโรคไมแกรนจำนวน 490
คนว่าคนเหล่านี้เชื่อว่าอาหารกลุ่มนี้ใดเกิดไมแกรนได้มากที่สุด
ผลปรากฏว่าคนส่วนใหญ่ตอบว่าแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะยิ่งไวน์ มีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้นที่ตอบว่าช็อกโกแลต
เคยมีงานวิจัยที่อังกฤษรายงานทราบว่าเมื่อทดลองให้ผู้ป่วยไมแกรนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าช็อกโกแลตเป็นสาเหตุของไมแกรนลองรับประทานช็อกโกแลตแท้เปรียบเทียบกับผู้ป่วยไมแกรนอีกกลุ่มที่ได้รับช็อกโกแลตเทียม
ผลปรากฏว่าผู้ที่รับช็อกโกแลตแท้ 5 ใน 8 รายเกิดอาการไมแกรนกำเริบข้นภายในเวลา 22
ชั่วโมง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับช็อกโกแลตเทียมไม่เกิดอาการไมแกรนขึ้นเลย
ดังนั้นสรุปว่าช็อกโกแลตก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะให้แก่คนบางคนได้จริง
มะนาว ไวน์ และเนยแข็ง
ผลไม้ประเภทมะนาวมีสารออกโทพามีน
(0ctopamine) ทำให้บางคนเกิดอาการปวดศีรษะได้เหมือนกัน
ในบรรดาเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลาย ไวน์แดงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปวดศีรษะไมแกรนได้บ่อยที่สุด
ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะเปลือกองุ่นมีสารเคมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในระดับต่างๆกัน
และมีสารเคมีชนิดหนึ่งเป็นสารประกอบของไทรามีนที่เราทราบกันมาในตอนต้นแล้วว่ากระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
อาหารอีกพวกหนึ่งที่มีสารไทรามีนค่อนข้างมากคือเนยแข็ง
ผู้ที่เคยอยู่ต่างประเทศนานๆและรับประทานเนยแข็งเป็นประจำแล้วไม่เคยปวดศีรษะคงไม่เป็นไร
แต่ใครที่เคยปวดศีรษะหลังจากรับประทานเนยแข็งก็ขอให้ทราบด้วยว่าเกิดจากไทรามีนนี่เอง
เนยแข็งประเภทอิงลิชสติลตัน
(English stiltion) มีไทรามีนมากที่สุด คือ17.3
มิลลิกรัม (1 มิลลิกรัมคือหนึ่งในพันกรัม) ต่อเนยแข็ง 15 กรัม
รองลงมาก็ได้แก่บลูชีส (blue
cheese) จากนั้นเป็นพวกแมตชัวร์เชดดาร์ (mature cheddar) นอกจากพวกเนยแข็งแล้วผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ อย่างเช่น โยเกิร์ต (นมเปรี้ยว)
ก็อาจจะพบสารพวกเอมีนเหล่านี้ได้มากน้อยแล้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์นม
ผลไม้พวกถั่วเปลืองแข็งต่างๆอาจมีสารเอมีนได้บ้าง
ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด อินทผลัมแห้ง ฯลฯ จะพบสารเอมีนได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงขอให้ลองสังเกตตนเองดูบ้างว่าทุกครั้งที่ปวดศีรษะเราได้รับประทานอาหารชนิดใด
เมื่อหายปวดศีรษะแล้วให้ลองรับประทาจนอาหารชนิดนั้นๆอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดสอบดูว่าอาหารที่ต้องสงสัยนั้นทำให้เราปวดศีรษะจริงหรือเปล่า
เมื่อพบแล้วว่าเป็นอาหารชนิดใดที่สร้างปัญหาต่อไปก็พยายามเลี่ยงเสีย
หากยังยังไม่เข็ดเพราะเป็นเป็นอาหารโปรดก็ขอให้ลดอาการลงบ้าง
อย่ารับประทานให้มากนักอาการปวดศีรษะจะค่อยๆทุเลาลงได้
การเลี่ยงหรือลดอาหารเป็นวิธีที่แก้ไขแสนง่าย
แต่รายไหนก็รายนั้นมักจะไม่สามารถปฎิบัติตามได้
นายแพทย์บุชโฮลช์ระบุว่าผู้ที่ปวดศีรษะมากๆมักจะคิดถึงยาก่อนเรื่องอื่นเพราะยาให้ผลชะงัดกว่า
แต่การใช้ยาเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุนั้นอยู่ที่อาการ
แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้
การแก้ปัญหาปวดศีรษะด้วยการลดอาการที่เป็นต้นเหตุจึงมักเป็นเสมือนปัญหาเส้นผมบังภูเขา
ไส้กรอก เนื้อปรุง
ลุงคำมีเป็นเป็นชาวสวนอยู่ที่อำเภอสารภี
จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเมืองไม่บ่อยนัก
ลูกหลานคนใดเข้ามาในเมืองลุงคำมีก็จะไหว้วานให้ซื้อแหนมหรือไส้กรอกไก่บ้าง
ไส้กรอกหมูบ้าง ติดมือกลับมาฝาก
วันหนึ่งลุงคำมีเข้าเมืองและแวะไปที่โรงพยาบาลสวนดอกเพื่อปรึกษาหมอเนื่องจากระยะหลังมีอาการปวดศีรษะอยู่บ่อยๆ
หมอหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะ อยู่นานแต่ก็หาไม่พบ
ลุงคำมีกินยาของหมอจนกลายเป็นคนติดยาแก้ปวดแก้ไข้
หมอสังเกตว่าทุกครั้งที่ลุงคำมีเข้ามาที่โรงพยาบาลมักจะมีแหนมหรือไม่ก็ไส้กรอกติดมือมาด้วย
จึงคิดว่าเนื้อเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ หมอแนะนำให้ลุงคำมีอดไส้กรอกกับแหนมสัก 1-2
สัปดาห์แล้วคอยติดตามดูอาการ ปรากฏว่าลุงคำมีหายปวดศีรษะ
ต่อมาหมอให้ลองรับประทานไส้กรอกหนึ่งจานลุงคำมีเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาอีก
เมื่อทดสอบจนมั่นใจแล้วว่าลุงคำมีปวดศีรษะเพราะแพ้สารไนไทรต์ที่นิยมใช้ในกระบวนการปรุงเนื้อ
หากหยุดไส้กรอก แฮม แหนม เบคอนได้เมื่อไร ลุงคำมีจะหายปวดศีรษะได้เมื่อนั้น
ฝรั่งเรียกอาการปวดศีรษะที่เกิดจากเนื้อปรุง
อันได้แก่ แฮม ไส้กรอก ซาลามี เบคอน รวมทั้งแหนมด้วยว่าปวดศีรษะแบบฮอตดอก (hot dog headache) ฮอตดอกก็คือขนมปังที่ใส่ไส้กรอกไว้ตรงกลาง
ในระยะหลังเริ่มมีมาขายตามริมถนนในบ้านเรามากขึ้น
ผู้ที่มึนศีรษะหรือปวดศีรษะเพราะเนื้อปรุงเหล่านี้หากไม่ต้องการทรมานต่อไปคงต้องหาทางเลิกหรือลดเนื้อพวกนี้ให้ได้
น้ำตาลเทียมแอสพาร์เทม
ในบ้านเรามีคนรับประทานน้ำตาลเทียมกันมาก
ส่วนใหญ่เป็นคนที่จำกัดอาหาร ลดความอ้วน หรือไม่ก็เป็นเบาหวาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดศีรษะบอกว่าคนบางคนอาจแพ้น้ำตาลเทียม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแอสพาร์เทม ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาได้
นายแพทย์ลิปตัน
(R.B lipton) เป็นแพทย์ทางประสาทวิทยาแห่งหน่วยปวดศีรษะ
(Headache Unit) ศูนย์การแพทย์มอนเตฟิออเร (Montefiore
Medical Center) ที่นิวยอร์ก
ทำการศึกษาอาการคนไข้ที่มีอาการปวดศีรษะมากๆจำนวน 117 คน
ได้ผลสรุปว่าผู้ที่มีปัญหาเรื่องอาการปวดศีรษะเป็นประจำจำนวนไม่น้อยมีปัญหากับน้ำตาลเทียมพวกแอสพาร์เทมแพทย์หญิงเชอลีย์ เคอเลอร์ (Shirley M. Koehler) แห่งมหาวิทยาลัยฟอริดา สหรัฐอเมริกา
ลองทำการศึกษาอย่างเดียวกันแล้วก็พบอีกเช่นกันว่าผู้ที่ปวดศีรษะไมแกรนไม่ว่าจะเกิดแอสพาร์เทม
หรือไม่ก็ตาม
หากรับประทานน้ำตาลเทียมพวกแอสพาร์เทมแล้วจะพบว่าอาการปวดไมแกรนเกิดถี่ขึ้น
นานขึ้น บางรายอาจเกิดอาการคลื่นเหียน อาเจียน ตัวสั่น ตาพร่าขึ้นด้วยซ้ำ
เหตุใดแอสพาร์เทมจึงกระตู้นให้เกิดไมแกรนยังไม่มีใครตอบได้
แต่เชื่อกันว่าผู้ที่มีอาการศีรษะเป็นประจำอาจมีปัญหาทางด้านพันธุกรรมบางอย่าง
หากจะรักกันให้หายคงทำกันได้ยาก หนทางที่พอจะช่วยได้คือพยายามหาสารที่ผู้ป่วยแพ้ให้ได้แล้วหลีกเลี่ยงเสีย
น้ำตาลเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแอสพาร์เทมเป็นสารชนิดหนึ่งที่ขอแนะนำไว้ว่าสมควรเลี่ยง
ผงชูรสกับกาแฟ
อากรปวดศีรษะเพราะผงชูรสพบได้ไม่มากนัก
มีบางคนเท่านั้นที่รับประทานผงชูรสแล้วเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หน้าแดง คอแดง
อกแดง ที่เรียกกันว่าอาการปวดภัตตาคารจีน (Chinese
restaurant syndrome) หรือจะเรียกว่าโรคภัตตาคารจีนก็ได้
บรรดาอาการปวดศีรษะทั้งหลายจึงแนะนำว่าใครที่ทรมานจากการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุหากเลี่ยงหรือลดผงชูรสเสียบ้างก็จะดี
ผู้ที่รู้ตัวว่าแพ้ผงชูรสหรือมีอาการปวดศีรษะอยู่บ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ
การเลี่ยงผงชูรสไม่น่าจะเสียหายอะไร วิธีการเลี่ยงผงชูรสหรือเอ็มเอสจี (MSG) ไม่ใช่เฉพาะการสั่งอาหารไม่ใส่ผงชูรสเท่านั้น
จำเป็นที่จะรู้ด้วยว่าบรรดาอาหารสำเร็จรูปซึ่งวางขายกันเกลื่อนตลาดอยู่ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้างใส่ผงชูรสและควรหาทางเลี่ยงเสีย
บะหมี่ซองอาหารเป็นอาหารที่นิยมใส่ผงชูรสมากที่สุด
อาหารสุขภาพทั้งหลายประเภทโปรตีนย่อยแล้วทั้งผักโปรตีนย่อยแล้ว (hydrolyzed vegetable protein หรือ HVP) หรือโปรตีนผักชนิดย่อยแล้ว (hydrolyzed plant protein หรือ HPP)
ที่เริ่มจะปรากฏเห็นในบ้านเราอาจจะมีการเติมผงชูรสเพื่อเพิ่มรสชาติบ้าง
ของขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายแผ่นมีแต่ผงชูรสไม่น้อย
นอกจากนี้ให้ดูบรรดาขนมซองด้วยว่ามีผงชูรสปนอยู่หรือเปล่า
หากมีคำว่ามีสารปรุงรสก็ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นผงชูรส
กาแฟอาจเป็นสาเหตุของการปวดศีรษะและช่วยแก้ไขปัญหาปวดศีรษะได้เช่นเดียวกัน
เรียกว่าเป็นได้ทั้งพระเอกและผู้ร้าย
เคยมีรายงานทางการแพทย์ว่าสารกาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟหรือชาสามารถลดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน
แต่แพทย์หลายรายยืนยันว่าใครที่คิดจะใช้กาแฟในการรักษาอาการปวดศีรษะย่อมเสี่ยงอย่างยิ่ง
เพาระหากดื่มมากไปอาการปวดศีรษะอาจเกิดขึ้นเสียมากกว่าเก่า
ในสหรัฐอเมริกา
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดศีรษะระบุว่ากาแฟนับเป็นศัตรูตัวร้ายอันดับต้นๆสำหรับผู้ป่วย
แม้จะมีบางรายที่ใช้กาแฟแก้อาการปวดศีรษะแต่ก็มีเป็นส่วนน้อยเท่านั้น
ส่วนใหญ่จะยิ่งทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นเสียมากกว่า
ผู้ที่ปวดศีรษะบ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุขอให้ลองงดกาแฟดู
หากงดแล้วอาการดีขึ้นละก็พึ่งรู้ไว้เถิดว่าสากาเฟอีนไปมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดทำให้เพิ่มอาการปวดศีรษะ
ผู้ที่ติดกาแฟอาจจะเลิกกาแฟได้ยากอยู่สักหน่อยเทคนิคในการเลิกกาแฟคือให้ค่อยๆลดปริมานลง
หากเคยดื่มวันละหลายถ้วยก็ต้องลดจำนวนลงทีละถ้วยจนเลิกได้ในที่สุด
มีบางคนที่ไม่เคยมีอาการปวดศีรษะเลยแต่พอเลิกกาแฟแล้วกลับมีอาการปวดศีรษะเกิดขึ้น
แสดงว่าปวดศีรษะเพราะเลิกกาแฟ นายแพทย์รอแลนด์ กริฟฟิทส์ (Roland Griffiths) แห่งคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University)
ชี้ว่าผู้ที่มีอาการลักษณะนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่ติดกาแฟงอมแงมเพียงอย่างเดียว
ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟเข้มข้นวันละถ้อยหรือผู้ที่ติดเครื่องดื่มอัดลมประเภทน้ำดำก็เกิดอาการปวดศีรษะเพราะการเลิกกาแฟหรือน้ำอัดลมได้เช่นกัน
อาการปวดศีรษะเพราะขาดกาแฟอาจเกิดขึ้นตอนเช้าตรู่ขณะที่ท้องว่างซึ่งร่างกายขาดกาแฟมาทั้งคืน
หรืออาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาวันหยุดที่เรามักจะดื่มกาแฟน้อยกว่าเมื่ออยู่ที่ทำงาน
อาการปวดศีรษะในลักษณะนี้หมายความว่าติดกาแฟเสียแล้ว หากดื่มกาแฟสักถ้อยอาการปวดมึนศีรษะจะค่อยๆหายไป
อันที่จริงการดื่มกาแฟสักถ้อยสองถ้อยไม่สร้างปัญหามากนัก
หากปวดศีรษะเพราะขาดกาแฟแก้ไขด้วยง่ายๆโดยการดื่มกาแฟ
แต่การแก้ในลักษณะนี้อาจเกิดผลเสียขึ้นได้เพราะเราจะเริ่มดื่มกาแฟมากขึ้นๆจนกระทั่งร่างกายได้รับกาเฟอีนมากจนอาจเกิดอันตรายขึ้น
หากปวดศีรษะเพราะกาแฟและอยากจะหาย
ข้อแนะนำง่ายๆแต่ทำได้ค่อนข้างยากคือต้องหาทางเลิกกาแฟ
วิธีเลิกกาแฟนั้นข้อแนะนำว่าอย่าผลีผลามเลิกปุบปับเพราะอาจปวดศีรษะหรือมึนศีรษะมากขึ้น
ขอให้ค่อยๆลดและค่อยๆเลิก อาการปวดศีรษะอาจจะมีมากขึ้นในช่วงแรกๆคงจะต้องอดทนไว้สักหน่อย
ต่อเมื่อร่างกายเริ่มชินกับการมีมีสารกาเฟอีนในร่างกายน้อยๆได้เมื่อไรอาการปวดศีรษะจากการงดกาแฟก็จะหายไป
ชีวิตหลังจากนั้นน่าจะมีความสุขมากขึ้น
กินสร้างปัญหา
มีอาหารอีกมากมายที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ
เราคงต้องพยายามตรวจสอบให้ได้ด้วยตัวเองว่ามีอาหารอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุ
อาหารบ้างอย่างรับประทานเข้าไปสักพักจะเกิดอาการปวดศีรษะ เช่น เนื้อปรุงทั้งหลาย
น้ำตาลเทียม เหล้า ไวน์ เนยแข็ง นมเปรี้ยว ช็อกโกแลต กาแฟ ฯลฯ ซึ่งกล่าวไว้แล้ว
เราคงต้องหาทางลดอาหารพวกนั้น
อาหารบางอย่างเมื่อลดปริมาณลงแล้วเกิดอาการปวดตุบๆในศีรษะ
คลื่นไส้ วิงเวียน อย่างเช่นกาแฟ คำแนะนำคืออย่ารับประทานหรือดื่มให้ขึ้น
แต่ต้องหาทางเลี่ยงเช่นอธิบายไว้แล้ว การกินเป็นการสร้างความสุขแบบหนึ่ง
หากกินแล้วชักจะเป็นทุกข์ก็น่าจะลดหรืองดเสีย
ข้อมูลหนังสือ
ผู้แต่ง
รองศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะห์ลัน
พิพ์ที่
บริษัทจูนพับลิชชิ่ง จำกัด 90 วัฒนานิเวศน์ 5 ถนนสุทธิสาร เขตห้อยขวาง กรุงเทพฯ
มีประโยชน์มากๆเลย
ตอบลบ